ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

under-arm


วิธีรับมือกับ กลิ่นเต่า อย่างไรไม่ให้เสียบุคลิก


กลิ่นเต่าเหม็น ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิง อย่าปล่อยให้กลิ่นเต่าเหม็นจนทำให้เสียบุคลิก มาจัดการด้วยสารพัดวิธีกำจัดกลิ่นต่อไปนี้กันดีกว่า รับรองเอาอยู่ !
body-odor-2

สาว ๆ คนไหนที่มีปัญหากลิ่นเต่ากลิ่นตัวที่แก้ไม่ตก ชนิดที่เรียกได้ว่าโรลออน น้ำหอมก็เอาไม่อยู่ หรือเหงื่อออกทีไรก็เป็นต้องมีกลิ่นตามมาทุกครั้งจนทำให้เสียบุคลิกและเสียความมั่นใจตลอดเวลาที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับคนอื่น หากใครที่กำลังมีปัญหาแบบนี้ วันนี้เรามีทางออกด้วยการนำสารพัดวิธีจัดการกลิ่นเต่าเจ้าปัญหาให้อยู่หมัดมาฝากกันค่ะ หากใครที่ไม่อยากให้คนอื่นต้องมาล้อเลียนว่าเป็นผู้หญิงที่มีกลิ่นเต่าเหม็นอีกต่อไป รีบมาจัดการด้วยวิธีต่อไปนี้กันเลย

c092a4b7bc7cb3e11fe6aca815d3061c-copy
1.อาบน้ำเป็นประจำทุกเช้า-เย็น
การอาบน้ำชำระล้างร่างกาย และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ถือเป็นสิ่งที่สาว ๆ ควรจะต้องทำเป็นประจำไม่ให้ขาด เพราะทุกวันนี้เวลาออกจากบ้านเราต้องเจอกับฝุ่นละออง ควันเหม็น ๆ รวมทั้งเหงื่อไคลต่าง ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้มีกลิ่นเต่ากลิ่นตัวได้ทั้งสิ้น ดังนั้นการอาบน้ำจะช่วยทำให้ร่างกายสะอาดและหอมสดชื่น และจะช่วยลดกลิ่นเต่าได้ แต่ทั้งนี้ควรอาบน้ำด้วยสบู่ที่มีสารยับยั้งเชื้อแบคทีเรียโดยตรงด้วยจะช่วยแก้ปัญหาได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
102914_0215_1
2.ใช้โรลออนหรือสารส้มทารักแร้
ทุกครั้งหลังอาบน้ำเสร็จ สิ่งที่สาว ๆ จะต้องไม่ลืมก็คือใช้โรลออนทุกครั้ง แต่ทั้งนี้สำหรับใครที่ใช้โรลออนแล้วเอาไม่อยู่ แนะนำให้ใช้สารส้มแทนค่ะ ซึ่งวิธีนี้คนสมัยก่อนใช้ดับกลิ่นตัวได้ผลดีกันนักแล แถมยังจะช่วยทำให้รักแร้ขาวขึ้นได้อีกด้วย
armpit-3
3.ใช้มะนาวทารักแร้
วันว่าง ๆ ให้นำมะนาวสด ๆ มาฝานเป็นแว่น ๆ จากนั้นให้นำมาทาถูเบา ๆ ตรงบริเวณรักแร้ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก วิธีนี้จะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นเต่า ซึ่งสาว ๆ สามารถทำได้บ่อย ๆ เท่าที่ต้องการ
1426652600_7
4.จัดการกลิ่นเต่าติดเสื้อด้วยน้ำมะนาว
หากเสื้อของใครมีกลิ่นเต่าติดอยู่ สามารถจัดการได้ด้วยน้ำมะนาวค่ะ โดยให้บีบน้ำมะนาวใส่ในถ้วย นำแปรงมาชุบแล้วนำไปถูแขนเสื้อบริเวณใต้วงแขน เสร็จแล้วทิ้งไว้สักประมาณ 10 นาทีก่อนนำไปซัก วิธีนี้จะช่วยดับกลิ่นเต่าติดเสื้อให้หายไปได้
 %e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%82%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b9%8c%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%ab%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%ab%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%8d%e0%b9%88
5.งดอาหารบางชนิด
การรับประทานอาหารก็มีส่วนทำให้เรามีกลิ่นเต่าได้นะคะสาว ๆ โดยเฉพาะอาหารจำพวกเครื่องเทศ และอาหารที่มีสารโคลีนสูง อย่างเช่น แกงกะหรี่ หัวหอม กระเทียม เต้าเจี้ยว ผักชี เป็นต้น เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้ต่อมเหงื่อบริเวณใต้วงแขนขับไขมันออกมามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มีกลิ่นตัวออกมานั่นเอง ดังนั้นทางที่ดีควรเลี่ยงอาหารจำพวกนี้จะดีที่สุดค่ะ
 r73
6.โกนขนรักแร้เป็นประจำ
เพราะขนรักแร้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นเต่า ดังนั้นการโกนขนหรือถอนขนรักแร้เป็นประจำก็สามารถช่วยลดกลิ่นได้ค่ะ
07
7.โบท็อกซ์
สำหรับสาว ๆ คนไหนที่มีกลิ่นตัวแรงจนลองมาสารพัดวิธีแล้วก็ยังแก้ไม่หาย แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการฉีดโบท็อกซ์ค่ะ เพราะวิธีนี้ถือเป็นวิธีรักษากลิ่นเต่าโดยตรง และได้ผลดีเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงเช่นกันค่ะ

หมดปัญหากลิ่นเต่ากวนใจ คุณก็จะกลายเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจมากขึ้น ดังนั้นอย่ารอช้ากันอยู่เลยค่ะ รีบมาจัดการกลิ่นเต่าตัวปัญหาให้หมดไปกันดีกว่า รับรองเลยว่าวิธีเหล่านี้แหละเอาอยู่แน่นอน

เพราะเรื่องกลิ่นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เราจึงต้องดูแลตัวเองด้วย รากสามสิบสมุนไพรคุณสัมฤทธิ์ ที่จะช่วยให้คุณหอมพร้อมกับความตึงกระชับทุกสัดส่วนด้วยสมุนไพรธรรมชาติ 100 % ที่คุณมั่นใจได้
สนใจสมุนไพร คุณสัมฤทธิ์ คลิก!
...................................................................................................................................................................
ขอบคุณที่มาจาก kapook  

ผัก 10 ชนิด ที่คนลดน้ำหนักห้ามพลาด!

1b8a2faefbeb4a2584851b313ba8a8ab

ผัก 10 ชนิด ที่คนลดน้ำหนักห้ามพลาด!

คำว่า ผัก นอกจากจะฟังดูดีมีประโยชน์กับร่างกายแล้ว ยังทำให้นึกถึงการลดน้ำหนักได้อีกด้วย วันนี้เราจึงนำผักที่สามารถควบคุมและลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีมาฝากกัน มาดูเลยว่ามีอะไรบ้าง
 gfuatw
1.มะเขือ
สาว ๆ รู้ไหมคะว่ามะเขือนี่ถือเป็นผู้ช่วยลดน้ำหนักอย่างดีเลยทีเดียวนะ เพราะว่ามะเขือจะมีสารอาหารที่เรียกว่า ไบโอฟลาโวนอยด์ และโพแทสเซียม ซึ่งสารอาหารเหล่านี้จะช่วยคุมระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายได้ รับรองเลยว่าถ้าใครกินมะเขือบ่อย ๆ ร่างกายจะเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้นแน่นอน
26_20150422163637
2.หน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งถือเป็นแหล่งรวมของเส้นใยโฟเลต วิตามินซี อี เค บี 6 และแร่ธาตุชนิดอื่น ๆ ซึ่งสามารถที่จะช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกายได้ดี แถมไม่ว่าจะเอามาผัด หรือนึ่งรับประทานกับน้ำพริกก็อร่อย เรียกได้ว่าเป็นผักอีกหนึ่งชนิดที่สาว ๆ ไม่ควรพลาดเลยล่ะค่ะ
 soy3
3.ถั่วเหลือง
ถั่วเหลืองถือเป็นผักอีกชนิดหนึ่งที่จะช่วยลดน้ำหนักได้ดี เพราะในถั่วจะอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต อีกทั้งยังมีเส้นใยสูง เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะช่วยให้อิ่มนาน อีกทั้งยังจะช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้อีกด้วย
%e0%b8%9c%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%ab%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%9c%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%aa%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%94
4.ผักสลัด
ผักสลัดเป็นผักที่มีแคลอรีต่ำ กินแล้วจะช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารในร่างกายทำงานได้ดี ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ผักสลัดจะกลายเป็นเมนูยอดนิยมสำหรับผู้ที่กำลังลดความอ้วน
 z3_15
5.พริก
ความเผ็ดร้อนของพริกเป็นตัวสำคัญที่จะช่วยลดความอ้วนได้ดี ซึ่งในพริกจะมีสารที่ชื่อว่าแคปแซนติน ซึ่งสารนี้จะช่วยให้การเผาผลาญไขมันในร่างกายทำงานได้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ควรรับประทานแต่พอดี เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะส่งผลเสียทำให้ปวดท้องหรือท้องเสียได้
26_20150612160105
6.หอมหัวใหญ่
หอมหัวใหญ่มีคุณสมบัติที่จะช่วยเผาผลาญไขมันและลดไขมันได้ดี แต่ทั้งนี้สำหรับใครที่ไม่ชอบกลิ่นฉุน ๆ ของหัวหอม อาจจะนำไปปรุงให้สุกก่อนรับประทานจะทำให้มีรสหวานและทานง่ายยิ่งขึ้น
 garlic
7.กระเทียม
กระเทียมเป็นผักที่รับประทานเข้าไปแล้วจะช่วยให้ระบบเผาผลาญไขมันในร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นควรใส่กระเทียมลงไปในอาหารแต่ละมื้อ เพราะเมื่อรับประทานบ่อย ๆ จะช่วยทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายลดลงได้เป็นอย่างดี
 biodiversity-212386-3
8.กะหล่ำปลี
กะหล่ำปลีสามารถช่วยควบคุมน้ำหนักได้ เพราะในกะหล่ำปลีจะมีกรดทาร์ทาริก ซึ่งจะช่วยยับยั้งแป้งและน้ำตาลไม่ให้เปลี่ยนเป็นไขมันได้ แต่ทั้งนี้หากจะรับประทานก็ควรปรุงให้สุกเสียก่อน เพราะถ้าหากกินดิบ ๆ บ่อย ๆ อาจทำให้เป็นโรคคอหอยพอกเอาได้
 purple-yam-ftr
9.มันเทศ
ในมันเทศมีคาร์โบไฮเดรตสูง กินแล้วจะช่วยให้อิ่มเร็วและอิ่มนาน และช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือดได้ดี ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สาว ๆ นิยมรับประทานในช่วงที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
1
10.มะเขือเทศ
มะเขือเทศเป็นผักอีกชนิดหนึ่งที่รับประทานแล้วจะช่วยปรับฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้รู้สึกอิ่มนานและไม่ค่อยหิว อีกทั้งยังมีแคลอรีต่ำ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ง่าย ๆ แล้วยังจะช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้นอีกด้วยนะสาว ๆ

ช่วงที่ลดความอ้วน นอกจากจะกินผักเหล่านี้เป็นตัวช่วยแล้ว ยังไงก็อย่าลืมออกกำลังกายกันด้วยนะคะ รับรองว่าผอมเร็วทันใจแน่นอน คอนเฟิร์ม ! และอย่าลืมตัวช่วยดี ๆ ที่จะทำให้คุณระบบขับถ่ายดีหุ่นเชี๊ยะอีกอย่างนั่นก็คือ ยาระบายสมุนไพรคุณสัมฤทธิ์  มีส่วนผสมจากสารสกัดของสมุนไพรไทย หลายชนิดที่ช่วยในการ ป้องกันไม่ให้ไขมันสะสมในร่างกาย เผาผลาญไขมัน และระบายไขมันออกมาพร้อมกับการขับถ่าย จากกระบวนการเหล่านี้สามารถทำให้ผู้รับประทานมีไขมันสะสมในร่างกายน้อยลง ซึ่งส่งผลมาถึงน้ำหนักและสุขภาพที่ดี
สนใจสอบถาม สั่งซื้อสมุนไพร คุณสัมฤทธิ์
Line : http://line.me/ti/p/tanjin59 (Line id : tanjin59)
.................................................................................................................................................................
ขอบคุณที่มาจาก kapook

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

ดอกคำฝอย



ดอกคำฝอย สมุนไพรสรรพคุณเด่นสำหรับผู้หญิง ห้ามพลาด!


ดอกคำฝอย

ชื่อสมุนไพร :  คำฝอย
ชื่อสามัญ (ชื่อภาษาอังกฤษ) :  Safflower, False Saffron, Saffron Thistle
ชื่ออื่น :  คำยอง คำหยอง คำหยุม คำยุ่ง (ลำปาง), คำ คำฝอย ดอกคำ (ภาคเหนือ), หงฮัว (จีน), ดอกคำฝอย คำทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Carthamus tinctorius L.
ชื่อวงศ์ :  Compositae
ส่วนที่ใช้ :  ดอก เกสร เมล็ด น้ำมันจากเมล็ด ดอกแก่
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
* ต้นคำฝอย เป็นไม้ล้มลุก มีความสูงประมาณ 40-130 เซนติเมตร มีลำต้นเป็นสัน แตกกิ่งก้านมาก เป็นพืชที่มีอายุสั้นทนแล้ง เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีระดับความสูงต่ำกว่า 1,000 เมตร ชอบดินร่วนปนทรายหรือดินที่มีการระบายน้ำได้ดี โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการงอกจะอยู่ระหว่าง 5-15 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิที่เหมาะสมในช่วงออกดอกคือ 24-32 องศาเซลเซียส ใช้ระยะเวลาการปลูกประมาณ 80-120 วันจนเก็บเกี่ยว
* ใบคำฝอย มีใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปวงรี ลักษณะของใบคล้ายรูปหอกหรือรูปขอบขนาน ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ปลายเป็นหนามแหลม ใบมีความกว้างประมาณ 1-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-12 เซนติเมตร
* ดอกคำฝอย ออกดอกรวมกันเป็นช่ออัดแน่นบนฐานดอกที่ปลายยอด มีดอกย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก ดอกคำฝอยมีลักษณะกลมคล้ายดอกดาวเรือง เมื่อดอกคำฝอยบานใหม่ๆ จะมีกลีบดอกสีเหลืองแล้วจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีส้ม เมื่อแก่จัดดอกจะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดง ที่ดอกมีใบประดับแข็งเป็นหนามรองรับช่อดอกอยู่
* เมล็ดคำฝอย ลักษณะของเมล็ดคล้ายรูปไข่หัวกลับ ผลเบี้ยวๆ มีสีขาวงาช้างปลายตัดมีสัน 4 สัน ขนาดของผลยาวประมาณ 0.-6-0.8 เซนติเมตร ผลเป็นผลแห้งไม่แตก ด้านในผลมีเมล็ดเป็นรูปสามเหลี่ยมยาวรี เปลือกแข็งมีสีขาว มีขนาดเล็ก เมื่อผลแก่แห้งเมล็ดจะไม่แตกกระจาย
สรรพคุณคำฝอย
ตำรายาไทย :
ดอกคำฝอย ช่วยขับระดู บำรุงประสาท บำรุงหัวใจ บำรุงโลหิต แก้ตกเลือด แก้ดีพิการ ขับเหงื่อ ระงับประสาท แก้ไข้ในเด็ก แก้ดีซ่าน แก้ไขข้ออักเสบ แก้หวัด น้ำมูกไหล แก้โรคฮิสทีเรีย อาการ รักษาอาการบวม รักษาท้องเป็นเถาดาน ใช้เป็นยาระบาย รักษาอาการไข้หลังคลอด ระงับอาการปวดในสตรีที่รอบเดือนมาไม่เป็นปกติ เป็นยาสามัญประจำบ้าน รักษาอาการป่วยไข้ในเด็ก บำรุงคนเป็นอัมพาต ดอกเป็นยาชงใช้ดื่มร้อนๆแก้ดีซ่าน โรคไขข้ออักเสบ เป็นหวัดน้ำมูกไหล ต้มอาบเวลาออกหัด รักษาอาการคันตามผิวหนัง เกสร บำรุงโลหิตระดู ขับระดู บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท บำรุงโลหิตและน้ำเหลืองให้ปกติ แก้ดีพิการ แก้แสบร้อนตามผิวหนัง
ตำรายาพื้นบ้านของหลายประเทศ: กล่าวว่าเนื่องจากดอกคำฝอยมีสีแดง จึงมีสรรพคุณบำบัดโรคที่เกี่ยวกับเลือด เช่น ระดู ขับเหงื่อ โดยทำเป็นยาชง ยาระบายพวกโลหิต
1.       คำฝอยสรรพคุณช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด เนื่องจากดอกคำฝอยมีกรดไลโนเลอิค (Linoleic Acid) อยู่มากซึ่งกรดชนิดนี้จะเข้าไปทำปฏิกิริยากับไขมันในเลือด และขับออกทางปัสสาวะ และทางอุจจาระ
2.       ดอกคำฝอย ช่วยลดความอ้วน ด้วยการใช้ดอกประมาณ 5 กรัมนำมาชงกับน้ำร้อน 1 แก้ว ใช้ดื่มก่อนอาหารเช้า และเย็น
3.       ดอก และกลีบดอกคำฝอย ช่วยบำรุงประสาท และระงับประสาท
4.       ดอกคำฝอยช่วยรักษาโรคฮิสทีเรีย (Hysteria) หรือโรควิตกกังวลอย่างหนึ่ง หรือโรคขาดความอบอุ่น
5.       ดอกคำฝอยช่วยขยายหลอดเลือด ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในร่างกายให้ดียิ่งขึ้น ทำให้มีออกซิเจนเข้าถึงเซลล์ต่างๆ ได้ดี
6.       คำฝอยช่วยบำรุงโลหิต แก้โลหิตเป็นพิษ และช่วยฟอกโลหิต
7.       ดอกคำฝอยช่วยสลายลิ่มเลือด จะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่ชอบกินของหวาน เพราะจะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เลือดเหนียวข้นจับตัวกันเป็นลิ่มเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ไม่ดี โดยดอกคำฝอยจะช่วยสลายลิ่มเลือดให้เล็กลง ช่วยป้องกันไม่ให้เลือดเกาะตัวกันเป็นลิ่มเลือด
8.       ดอก และกลีบดอกช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยทำให้มีเลือดไปเลี้ยงที่หัวใจมากยิ่งขึ้น ทำให้หัวใจแข็งแรง
9.       เมล็ดดอกคำฝอยช่วยแก้โรคลมเนื่องจากเส้นเลือดในสมองแตก
10.   คำฝอยช่วยรักษาอาการปวดหัวใจอันเนื่องมาจากเลือด และซี่ตับ หรือเลือดลมเดินไม่สะดวก
11.   ดอกคำฝอยช่วยขับเหงื่อ
12.   สรรพคุณของดอกคำฝอย ช่วยรักษาอาการไข้หลังของคลอดของสตรี
13.   สรรพคุณของดอกคําฝอย ดอกช่วยแก้ไข้ในเด็ก
14.   ดอกคำฝอยช่วยแก้หวัด น้ำมูกไหล
15.   เมล็ด สรรพคุณใช้เป็นยาขับเสมหะ
16.   เมล็ดหรือดอกใช้เป็นยาถ่าย เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ
17.   ดอกคำฝอยช่วยรักษาท้องเป็นเถาดัน
18.   เมล็ดคำฝอยใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
19.   ช่วยบำรุงโลหิตประจำเดือนของสตรี ช่วยขับระดูโลหิตประจำเดือนของสตรี ช่วยกระจายเลือดแก้ประจำเดือนคั่งค้างมาไม่เป็นปกติ
20.   ดอกคำฝอยช่วยระงับอาการปวดประจำเดือนของสตรี
21.   ดอกคำฝอยช่วยแก้อาการตกเลือด อาการปวดท้องหลังคลอด น้ำคาวปลาไม่หมด
22.   ดอกคำฝอยช่วยแก้อาการปวดมดลูก และลดอาการอักเสบของมดลูกในสตรี
23.   ดอกและกลีบดอกคำฝอยช่วยแก้ดีพิการ
24.   ดอกช่วยแก้ดีซ่าน
25.   ช่วยรักษาตาปลา ด้วยการใช้ดอกคำฝอยสด และตี้กู่ฝี ในปริมาณที่เท่ากัน นำมาตำผสมรวมกัน แล้วใช้ปิดบริเวณที่เป็นตาปลา โดยเปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง ไม่เกิน 5 วันก็จะดีขึ้น
26.   น้ำมันจากเมล็ด ใช้ทาแก้อาการปวดบวม ฟกช้ำดำเขียว รักษาโรคไขข้ออักเสบได้ หรือจะใช้ดอกนำมาต้มกับน้ำแช่เหล้า หรือใช้วิธีตำแล้วพอกก็ได้
27.   ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย บำรุงน้ำเหลืองให้เป็นปกติ
28.   ช่วยป้องกันแผลกดทบ ด้วยการใช้ดอกคำฝอยประมาณ 3 กรัม นำมาแช่กับน้ำพอประมาณจนน้ำเป็นสีแดง แล้วนำมาถูกบริเวณที่กดทับ โดยถูครั้งละ 10-15 นาที หากทำอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยป้องกันแผลกดทับได้ถึง 100% โดยไม่มีผลข้างเคียง
29.   ดอกคำฝอย ช่วยแก้อาการแสบร้อนตามผิวหนัง
30.   ดอกคำฝอยสรรพคุณช่วยบำรุงคนเป็นอัมพาต
31.   น้ำมันจากเมล็ด สรรพคุณใช้ทาเป็นยาแก้อัมพาต และอาการขัดตามข้อต่างๆ ได้
32.   เมล็ดใช้ตำแล้วนำมาพอกบริเวณหัวเหน่า ช่วยแก้อาการปวดมดลูกหลังการคลอดบุตรได้
33.   ดอกคำฝอย มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย
34.   ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของคำฝอย ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยขยายหลอดเลือด ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด ลดอาการอักเสบ แก้แพ้ ช่วยต้านเชื้อชา เชื้อแบคทีเรีย ยับยั้งฟันผุ
 ผลงานวิจัยคำฝอย
1.       ค.ศ. 1976 ประเทศอเมริกา ได้ทำการทดลองในผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง (ชาย 122 คน และหญิง 19 คน) ด้วยการให้รับประทานน้ำมันดอกจากดอกคำฝอยทุกวันเป็นเวลา 3 สัปดาห์ (วันละ 57 กรัม) ผลการทดลองพบว่า น้ำมันจากดอกคำฝอย สามารถช่วยลดระดับความดันโลหิต และระดับไขมันหรือคอเลสเตอรอลได้ และยังมีผลการสร้าง Prostaglandin ที่เป็นผลให้ High Density Lipoprotein เพิ่มขึ้น
2.       ค.ศ. 1989 ประเทศอังกฤษ ได้ทำการทดลองน้ำมันดอกคำฝอย ในผู้ป่วยที่เป็นความดันโลหิตสูงชนิด Mild Hypertension โดยให้รับประทานน้ำมันจากดอกฝอยทุกวันเป็นเวลา 4 สัปดาห์ (วันละ 5.9 กรัม) ผลการทดลองพบว่า ค่าความดัน Systolic ลดลงมา 6.5 mm.Hg และค่าความดัน Diastolic ลดลงมา 4.4 mm. จึงสรุปได้ว่าน้ำมันดอกคำฝอยมีผลในการช่วยลดความดันโลหิตได้จริง
3.       มีการทดสอบความพิษเฉียบพลันของสารสกัดจากดอกย่อยคำฝอย ด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูทดลองกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือคิดเป็น 2,500 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดที่ใช้รักษาในคน และให้โดยการฉีดเข้าใตผิวหนังของหนูในขนาดเท่ากัน ได้ข้อสรุปว่า ตรวจไม่พบอาการเป็นพิษแต่อย่างใด
4.       การวิเคราะห์ทางคลินิกพบว่าสารสกัดจากดอกคำฝอยมีคุณสมบัติคล้ายกับฮอร์โมนเพศหญิง มีฤทธิ์กระตุ้นมดลูกและฮอร์โมนเพศหญิง ช่วยทำให้มดลูกและกล้ามเนื้อเรียบหดตัวได้ แต่ถ้าหากใช้ในปริมาณมากเกินไปอาจจะทำให้มดลูกเป็นตะคริวได้
5.       มีรายงานว่าน้ำมันจากเมล็ดดอกคำฝอยสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี แต่กลับไปสะสมระดับคอเลสเตอรอลในตับเสียเอง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการตับแข็งได้


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : bookmuey.com
*** ใช้ในการเผยเเพร่เพื่อเป็นความรู้แก่บุคคคลทั่วไป ***

รากสามสิบ (สาวร้อยผัว)

รากสามสิบ(สาวร้อยผัว) สุดยอดสมุนไพรสำหรับผู้หญิง



รากสามสิบ  มีประโยชน์เเละสรรพคุณเด่นมากมายที่ช่วยบำรุงเพศหญิง จัดว่าเป็น ราชินิสมุนไพรสำหรับผู้หญิง เลยก็ว่าได้ ซึ่ง สมุนไพรรากสามสิบ ก็ต่างมีชื่อเรียกท้องถิ่นที่ต่างเเตกกันออกไป ตัวอย่างเช่น สามสิบ, ว่านรากสามสิบ, ว่านสามสิบ, ว่านสามร้อยราก, สามร้อยผัว, สาวร้อยผัว, ศตาวรี เป็นต้น

สรรพคุณของ รากสามสิบ

1. รากสามสิบ มีสรรพคุณ เป็นยาบำรุงกำลัง ใช้เป็นยาชูกำลัง บำรุงหัวใจ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
2. ตำรายาไทยจะใช้ส่วนรากเป็นยาช่วยแก้กระษัย
3. ส่วนของรากใช้เป็นยากระตุ้นประสาทได้
4. ส่วนของรากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาลดความดันโลหิตและลดไขมันในเลือด
5. รากสามสิบมีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยไปกระตุ้นการทำงานของตับอ่อนให้เพิ่มการหลั่งสาร insulin
6. รากใช้กินเป็นยาแก้พิษร้อนใน เเละกระหายน้ำ
7. รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไอ บรรเทาอาการไอ
8. ช่วยในการขับเสมหะ แก้การติดเชื้อในหลอดลม
9. เป็นยาช่วยขับลม และช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร แก้อาการท้องเสีย แก้บิด
10. ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้ แก้อาการอาหารไม่ย่อย รักษาแผลในกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะ
11. ใบของรากสามสิบ มีสรรพคุณเป็นยาระบาย
12. รากมีสรรพคุณเป็นยาแก้ขัดเบา ขับปัสสาวะ ช่วยหล่อลื่นและกระตุ้น
13. ช่วยรักษาอาการประจำเดือนผิดปกติของสตรี
14. เป็นยาแก้ตกเลือด
15. ในประเทศอินเดีย ใช้รากสามสิบเป็นยากระตุ้นสมรรถภาพทางเพศทั้งชายและหญิง
16. ภาคเหนือจะใช้รากสามสิบทำเป็นยาดอง ใช้กินเป็นยาบำรุงสำหรับเพศชาย กินแล้วคึกคักเหมือนม้า 3 ตัว จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า ม้าสามต๋อน
17. หมอยาโบราณจะใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “สาวร้อยผัวหรือ สามร้อยผัวกล่าวคือไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ยังสามารถมีลูกมีผัวได้ อายุเท่าไหร่ก็ยังดูสาวเสมอ
18. ในตำราอายุรเวทจะใช้สมุนไพรชนิดนี้เป็นสมุนไพรหลักในการบำรุงสตรี ทำให้กลับมาเป็นสาว ช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ของสตรี ไม่ว่าจะเป็นภาวะประจำเดือนไม่ปกติ ภาวะหมดประจำเดือน ปวดประจำเดือน ตกขาว มีบุตรยาก หมดอารมณ์ทางเพศ ช่วยบำรุงครรภ์ บำรุงน้ำนม ป้องกันการแท้ง ฯลฯ
19. ใช้เป็นยาบำรุงตับและปอดให้เกิดกำลังเป็นปกติ แก้ตับและปอดพิการ
20. รากใช้ฝนทาแก้อาการปวดฝี ทำให้เย็น ช่วยถอนพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน
21. ช่วยบรรเทาอาการระคายเคือง
21. รากใช้กินเป็นยาแก้อาการปวดเมื่อย ครั่นตัว
21. ช่วยแก้อาการปวดข้อและคอ
22. ช่วยทำให้เจริญอาหาร
23. รากใช้เป็นยาบำรุงเด็กทารกในครรภ์ บำรุงน้ำนม ขับน้ำนม บำรุงร่างกายหลังการคลอดบุตรของสตรี คลายกล้ามเนื้อมดลูก
24. ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ลดการอักเสบ
25. มีฤทธิ์ใกล้เคียงฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) ช่วยสร้างสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง
26. ป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดอาการหัวใจโตที่เกิดจากความดันโลหิตสูง
27. ยับยั้งเบาหวาน ปราบเซลล์มะเร็ง
28. ช่วยให้การตกไข่สมบูรณ์

ประโยชน์ของรากสามสิบ

1. สามารถนำมาทำเป็นแกงลูกสามสิบได้
2. รากสามสิบแช่อิ่ม หรือ นำมาทำน้ำรากสามสิบ
3. รากสามสิบลวกรับประทานเป็นผักเคียง รับประทานสด หรือนำมาผัด
4. นำมาทำเป็นแกงส้มและแกงเลียง
5. สามารถปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไปได้ ควรปลูกในช่วงฤดูฝน ควรปลูกลงในกระถางทรงสูงและใช้ดินร่วนในการปลูก ใส่ดินให้มาก ๆ รดน้ำให้ชุ่ม และควรปลูกไว้ในบริเวณที่มีแสงแดดรำไรตลอดวัน
สมุนไพรรากสามสิบ นอกจากประโยชน์เเละสรรพคุณจะเยอะมากมายเเล้ว ยังสามารถนำมาทำเป็นอาหารเพื่อรับประทานได้หลายอย่างอีกด้วย หากผู้อ่านสนใจจะนำมาทำเป็นเมนูตามที่กล่าวมาข้างต้น สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมตามเว็บไซต์ต่างๆได้เลยครับ รับรองว่ารับประทานสมุนไพรรากสามสิบตัวนี้ดีต่อร่างกายเเน่นอน
รากสามสิบสมุนไพรคุณสัมฤทธิ์ มีส่วนผสมของสมุนไพรชั้นดีหลายชนิด เช่น รากสามสิบ เเก่นฝาง ดอกคำฝอย เทียนทั้งห้า โกฐทั้งห้า ว่านชักมดลูก กวาวเครือขาว ฯลฯ มีสรรพคุณ เป็นยาบำรุงสำหรับผู้หญิง ทานแล้วผิวขาวใสอกเต่งตึง ช่องคลอดฟิตกระชับ ประจำเดือนมาเป็นปกติ ป้องกันและรักษาอาการปวดประจำเดือน รักษาตกขาวผิดปกติ ช่วยให้ช่องคลอดสะอาดไร้กลิ่นมดลูกแข็งแรง ช่วยรักษาภาวะ มีบุตรยากในผู้หญิง รักษาอาการวัยทอง อีกทั้งเป็นยาบำรุงสำหรับผู้หญิงหลังคลอด ทุกปัญหาสำหรับผู้หญิงแก้ไขได้ด้วย รากสามสิบสมุนไพรคุณสัมฤทธิ์ ทานต่อเนื่องช่วย ให้สุขภาพดี ไม่มีผลข้างเคียง (เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก! รากสามสิบ สมุนไพร คุณสัมฤิทธิ์
สนใจสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ Facebook คลิก! รากสามสิบ สมุนไพร คุณสัมฤิทธิ์ หรือ Line:tanjin59
โทร. 095-0096234

หมายเหตุ* ข้อมูลนี้ใช้ในการเผยแพร่ความรู้ ไม่สามารถใช้แทนการวินิจฉัยของแพทย์ได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเยาหน่วยปฏิบัติการวิจัยเคมีสารสนเทศ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, frynn.comเรียบเรียงโดย : pompom